Search

ปรัชญากฎหมายลัทธิเทวราชา
(ปรัชญากฎหมายไทย สมั...

  • Share this:

ปรัชญากฎหมายลัทธิเทวราชา
(ปรัชญากฎหมายไทย สมัยอยุธยา)

ประเด็นเรื่องเกี่ยวกับลัทธิเทวราชากฎหมายในสมัยอยุธยาได้ยอมรับว่ากษัตริย์นั้นเป็นเสมือนเทวราชาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “พระราชกำหนดเก่า” ซึ่งตราขึ้นในรัชกาลพระเจ้าบรมโกษฐ์ ปี พ.ศ. 2283 ได้ย้ำชัดเจนว่ากษัตริย์เป็นเสมือน “สมมุติเทพ” (เทวดา) มีอำนาจที่จะทำให้ผู้ใหญ่เป็นผู้น้อย มีอำนาจทำให้ผู้น้อยเป็นผู้ใหญ่ ยิ่งถ้าเป็นกรณีที่พระมหากษัตริย์มีพระบรมราชโองการแล้วเป็นตัวขวานฟ้าผ่าต้นไม้ และภูเขาก็มิอาจทนทานได้ หากมีพระราชโองการตรัสห้ามสิ่งใดก็จะเป็นเด็ดขาด กฎหมายฉบับนี้จึงเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนของแนวคิดที่มองว่า “กษัตริย์เป็นเสมือนสมมุติเทพมีอำนาจยิ่งใหญ่”
ผลพวงของการยืนยันความเป็น “สมมุติเทพ” (เทวดา) หรือเทวราชาย่อมมีผลต่อสถานะ การตีความและการบังคับใช้กฎหมายอย่างมาก เนื่องจากพระราชโองการของพระมหากษัตริย์ หาใช่เพียงคำสั่งของมนุษย์ ผู้มีอำนาจสูงสุดในแผ่นดินอีกต่อไปแต่ “ได้กลายเป็นเทวโองการ ซึ่งมนุษย์ธรรมดาไม่อยู่ในฐานะที่จะขัดแย้งหรือวิจารณ์ หรือแม้แต่จะแสดงความคิดเห็นในทางใดทั้งสิ้น”
คำสั่งของพระมหากษัตริย์ที่ได้กลายเป็น “เทวโองการ” นี้เองที่ย่อมสร้างความอ่อนแอต่อทฤษฎีหรือปรัชญากฎหมายโบราณ นับเนื่องแต่ความเชื่อว่าเดิมได้อ้างเอาพระธรรมศาสตร์เป็นกฎหมายศักดิ์สิทธิ์ พระมหากษัตริย์มีหน้าที่ธำรงไว้ซึ่งกฎหมายศักดิ์สิทธิ์นี้มิใช่เป็นผู้บัญญัติกฎหมายโดยตรง หากเป็นเพียงผู้ประยุกต์พระธรรมศาสตร์ให้สอดคล้องกับสภาพ “ในทางทฤษฎี” พระมหากษัตริย์จึงหามีอำนาจทางนิติบัญญัติโดยพระองค์เองไม่ แต่พึ่งพาอำนาจนี้จากกฎหมายศักดิ์สิทธิ์ คือ พระธรรมศาสตร์อีกทอดหนึ่ง การประกาศกฎหมายต่าง ๆ ของพระมหากษัตริย์ก็ดี การออกพระบรมราชโองการ หรือพระราชวินิจฉัยที่มีค่าเป็นกฎหมายต่าง ๆ ก็ดี ทั้งหมดย่อมถือเป็นเพียง “รูปธรรม” ของการประยุกต์ใช้พระธรรมศาสตร์หรือเป็นการแสดง “อุทาหรณ์” ของกฎหมายอันศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าว ในทางทฤษฎีรูปธรรมหรืออุทาหรณ์ดังกล่าว ย่อมต้องกลมกลืนสอดคล้องกับแม่บทแห่งกฎหมายศักดิ์สิทธิ์ ดังหลักการที่ปรากฏในกฎหมายตราสามดวงที่ว่า “พระมหากษัตริย์ทรงพระอุตสาหพิจารณาคำนึงตามคัมภีร์พระธรรมศาสตร์”
ประเด็นเรื่อง “การใช้ราชาศัพท์” เป็นประเด็นหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นเทวราชา ว่าเทวราชานั้นมิใช่เป็นแค่รูปแบบเพราะราชาศัพท์จะสะท้อนให้เห็นถึงการแบ่งแยก ความแตกต่าง ว่าคนคนหนึ่งมีฐานะเป็นเทพ ในขณะอีกคนหนึ่งเป็นไพร่หรือสามัญชน การใช้ราชาศัพท์นั้นได้รับอิทธิพลมาจากเขมร เพราะในสมัยสุโขทัยไม่มีการใช้ราชาศัพท์
ประเด็นเรื่องสถานะภาพของพราหมณ์ จะเป็นประเด็นที่สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของพราหมณ์ ในกฎหมายอยุธยาพราหมณ์จะได้สิทธิพิเศษ เพราะแม้พราหมณ์จะกระทำความผิดถึงขั้นประหารชีวิต ก็จะได้รับการยกเว้นโทษไม่ถูกประหาร เพียงแต่เนรเทศ หรืออาจจะเอาลูกประคำแขวนคอ การแบ่งมรดกก็เช่นกันพราหมณ์มีสิทธิพิเศษไม่ต้องแบ่งให้กับภาคหลวง ประเด็นนี้จะเป็นข้อปลีกย่อยที่สะท้อนให้เห็นอิทธิพลของพราหมณ์ หรือถ้าเราจะมองว่าพราหมณ์เป็นผู้ร่างกฎหมาย ก็จะเป็นธรรมดาที่ผู้ร่างกฎหมายจะต้องร่างกฎหมายเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ซึ่งมีแนวคิดใกล้เคียงกับแนวคิดมาร์ซิสต์ที่อธิบายว่า “กฎหมายเป็นเสมือนหนึ่งเครื่องมือหรืออาวุธที่ชนชั้นปกครองสร้างขึ้นเพื่อปกป้องอำนาจของตน”


Tags:

About author
not provided
ปัจุบัน พ้นจากการโมฆะบุรุษ รองศาสตราจารย์ประจำ คณะนิติศาสตร์
View all posts